Posts filed under บทความน่ารู้

การใช้จุลินทรีย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพืชในการบำบัดการปนเปื้อน
โลหะหนักในสิ่งแวดล้อม

ผศ.ดร. ชูวงศ์ เอื้อสุขอารี ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในดินและน้ำ เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการทำเหมืองแร่ หรือจากกากของเสียของโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับในประเทศไทยที่ผ่านมาก็มีรายงานการปนเปื้อนโลหะหนักที่รุนแรงในหลายพื้นที่ เช่น การปนเปื้อนสารแคดเมียมในห้วยแม่ตาว จังหวัดตาก การปนเปื้อนสารตะกั่วในห้วยคลิตี้ จังหวัดกาญจนบุรี และการปนเปื้อนสารหนูในอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น แม้ว่าที่ผ่านมาเรามักใช้วิธีทางกายภาพและเคมีในการบำบัดการปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น การกรอง การตกตะกอนทางเคมี การแยกกรองด้วยไฟฟ้า เป็นต้น (Dermont et al., 2008) แต่ในปัจจุบันการบำบัดด้วยวิธีทางชีวภาพกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีค่าใช้จ่ายต่ำ และไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในพื้นที่บำบัด หนึ่งในนั้นก็คือวิธีการบำบัดด้วยพืช (phytoremediation) ซึ่งเป็นเทคนิคการนำพืชมาใช้ช่วยดูดโลหะหนักจากดินและน้ำที่ปนเปื้อนขึ้นไปสะสมไว้ที่ใบ ลำต้น หรือรากของพืช หลังจากนั้นจึงค่อยนำส่วนต่างๆ ของพืชไปเผาหรือฝังกลบต่อไป ดังนั้นพืชที่เหมาะสมในการนำมาใช้นั้นจึงควรเป็นพืชที่มีความทนทานต่อโลหะหนักและสามารถสะสมโลหะหนักได้ในปริมาณมาก (Raskin et al., 1997) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเทคนิคนี้ ให้ดียิ่งขึ้นจึงมีการนำสารเคมีบางชนิด เช่น EDTA (Ethylene diamine tatra-acitic acid) มาใช้ร่วมด้วย เนื่องจาก… (read more)

ข้าวไทย…ปลอดภัยจากโลหะที่เป็นอันตราย

ดร.นุชนาถ รังคดิลก สุมลธา หนูคาบแก้ว และ รศ. ดร.จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์่ ข้าวไทย…ปลอดภัยจากโลหะที่เป็นอันตราย (Thai rice is safe from the contamination of toxic metals) จากที่มีผลงานวิจัยของนักวิชาการจากประเทศสหรัฐอเมริกา (มหาวิทยาลัย Monmouth ในรัฐ New Jersey) รายงานว่า ข้าวจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ที่นำเข้าไปขายในสหรัฐอเมริกามีปริมาณสารตะกั่วปนเปื้อนเกินมาตรฐาน ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะทารกและเด็กเล็ก ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการเก็บตัวอย่างข้าวที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดในสหรัฐอเมริกา ทั้งจากภูฏาน, อิตาลี, จีน, ไต้หวัน, อินเดีย, อิสราเอล, สาธารณรัฐเช็ก และไทย ซึ่งข้าวที่นำเข้าเหล่านี้คิดเป็น 65% ของข้าวทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้า มาทำการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารตะกั่ว ซึ่งผลการวิเคราะห์พบว่า ข้าวทั้งหมดมีปริมาณสารตะกั่ว 6-12 มิลลิกรัมต่อข้าว 1 กิโลกรัม โดยข้าวจากจีนและไต้หวัน มีปริมาณสารตะกั่วปนเปื้อนสูงที่สุด… (read more)

เมล็ดลิ้นจี่ เซี่ยงจี๊ น้ำซาวข้าว…ปลอดภัยต่อไตจริงหรือ?

ดร. นุชนาถ รังคดิลก และ รศ.ดร. จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์่ ผู้เขียนได้บังเอิญอ่านเจอข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (ฉบับวันพฤหัสที่ 28 มี.ค. 2556 หน้า 10) ที่ได้เตือนผู้บริโภคหรือผู้ป่วยโรคไตเกี่ยวกับสูตรยาสมุนไพรรักษาโรคไตที่ว่ากันว่าถูกส่งต่อมาจากประเทศไต้หวันเมื่อราว 7 ปีก่อน ซึ่งสูตรสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงนี้เป็นการนำเอาเมล็ดลิ้นจี่สดมาทุบบดต้มรวมกับไตหมู (เซี่ยงจี๊) และน้ำซาวข้าว ให้ผู้ป่วยโรคไตดื่มจะทำให้มีอาการดีขึ้น ในข่าวระบุว่าผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ อายุรวัฒน์นานาชาติได้กล่าวเตือนถึงการนำสูตรสมุนไพรนี้มาใช้กับผู้ป่วยโรคไตว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก เนื่องจากในเมล็ดลิ้นจี่ ไตหมู และน้ำซาวข้าว มีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะทำให้ไตยิ่งทำงานหนักมากขึ้นในการขับออก หากผู้ป่วยรับประทานเข้าไปมากๆ ก็จะเกิดอาการบวมน้ำได้ ดังนั้นสูตรยาสมุนไพรนี้ จึงมีผลในทางตรงกันข้าม แทนที่จะช่วยบรรเทาอาการ อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตมากยิ่งขึ้น เมื่อดูสูตรสมุนไพรรักษาโรคไตนี้แล้ว ทำให้เกิดความเป็นห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคไตเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลงานวิจัยของห้องปฏิบัติการเภสัชวิทยา สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสารต่างประเทศเมื่อต้นปีนี้ เรื่อง Evaluation of Trace Elements in Selected Foods and Dietary Intake by Young Children… (read more)

การปนเปื้อนสารหนูในข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว

ดร. นุชนาถ รังคดิลก, สุมลธา หนูคาบแก้ว และ รศ.ดร. จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์่ ตามที่มีรายงานข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศไทยว่า มีรายงานผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (ConsumerReports.org) ซึ่งได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 ออกมาเรียกร้องให้สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา จำกัดปริมาณสารหนูในผลิตภัณฑ์จากข้าว หลังจากตรวจพบว่ามีระดับปริมาณสารหนูอนินทรีย์ที่เป็นสารก่อมะเร็งอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวบางชนิดในปริมาณสูง ในรายงานผู้บริโภคระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่นำมาตรวจสอบประมาณ 200 ตัวอย่าง (ทั้งหมดกว่า 60 ยี่ห้อ) พบว่า มีระดับสารหนูอนินทรีย์อยู่ในระดับสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากข้าวที่มีชื่อเสียงในท้องตลาด ก็มีระดับของสารหนูอนินทรีย์ปนเปื้อนอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีข้าวกล้องบางยี่ห้อ รวมทั้งข้าวขาวและข้าวกล้อง ซีเรียลสำหรับทารก แคร็กเกอร์ พาสต้า และเครื่องดื่มที่ทำจากข้าว โดยในผลิตภัณฑ์ข้าวเหล่านี้มีสารหนูอนินทรีย์อยู่โดยเฉลี่ยราว 3.5-6.7 ไมโครกรัมต่อ 1 ลิตร ในรายงานยังเตือนให้เด็กและผู้ใหญ่จำกัดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากข้าวเหล่านี้ต่อสัปดาห์ ตราบเท่าที่ยังไม่มีการกำหนดปริมาณจำกัดที่แน่นอนของรัฐบาล เช่น ซีเรียลสำหรับทารกควรจะรับประทานเพียง 1 หน่วยบริโภคต่อวัน และไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 5… (read more)

เรื่องน่ารู้ของ..ผลิตภัณฑ์สาหร่าย..ที่ไม่ควรมองข้าม

ดร.นุชนาถ รังคดิลก* สุมลธา หนูคาบแก้ว และ รองศาสตราจารย์ ดร.จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์* สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และ *อาจารย์ประจำหลักสูตรพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ สาหร่ายเป็นอาหารว่างที่นิยมบริโภคอย่างมากในคนหลายวัย ทั้งสาหร่ายที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี สาหร่ายที่นำมาเป็นอาหาร ได้แก่ สาหร่ายทะเล และสาหร่ายน้ำจืด สาหร่ายทะเลที่นิยมบริโภคคือ ชนิดที่เป็นแผ่นบางๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบรรจุในซองพลาสติก ขายตามซุปเปอร์มาร์เกต เด็กๆจะชอบซื้อรับประทาน เป็นสาหร่ายชนิดอบแห้ง, ทอดกรอบ หรือย่าง มีการปรุงรสชาติต่างๆให้อร่อยถูกปาก ชาวจีนและญี่ปุ่นใช้สาหร่ายสีน้ำตาล (Laminaria) และสาหร่ายสีแดง (Porphyra) หรือที่นิยมเรียกว่า จีฉ่าย มาทำอาหารพวกแกงจืด ผลการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ พบว่า สาหร่ายทะเลเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน และไอโอดีน รวมถึงมีใยอาหารสูงด้วย สำหรับสาหร่ายน้ำจืดนิยมนำมาอัดเม็ดบรรจุขวด มีราคาค่อนข้างแพง สารอาหารที่เด่นในสาหร่ายน้ำจืด คือ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน แต่สาหร่ายน้ำจืดจะไม่เป็นแหล่งของไอโอดีน การเพาะเลี้ยงสาหร่ายควรเลือกพื้นที่การเลี้ยงที่มีน้ำทะเลที่สะอาด ห่างไกลจากแหล่งปนเปื้อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือแหล่งชุมชน… (read more)