เคมีสีเขียว (Green Chemistry)
ตอนที่ 2: พลังงานไมโครเวฟกับการเลือกใช้ตัวทำละลายสีเขียว
(Microwave Energy and Green Solvent Selection)

ดร. นพพร ทัศนา
ห้องปฏิบัติการเภสัชเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI)
และโครงการบัณฑิตศึกษาสาขาเคมีชีวภาพ สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ (CGI)

การพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารเคมีโดย “เคมีสีเขียว” [1,3] เป็นวิธีการที่กำลังเป็นที่ศึกษาอย่างมากในต่างประเทศ เพื่อลดขั้นตอนในการใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ในห้องปฏิบัติการ และสอดคล้องกับหลักการ “เคมีสีเขียว” ดังที่เคยกล่าวมาแล้ว [3] ตามกฎข้อที่ 3 การออกแบบกระบวนการสังเคราะห์ที่ไม่เป็นอันตราย (Design less hazardous chemical syntheses) และกฎข้อที่ 8 ใช้ตัวทำละลายและกระบวนการที่ปลอดภัย (Use safer solvents and reaction conditions) ตัวทำละลายที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้ในปฏิกิริยาทางเคมีมีหลายชนิดได้แก่ น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์เหลว (supercritical CO2) และ ตัวทำละลายมีประจุ (ionic liquids) ในขณะที่ตัวทำละลายอินทรีย์ส่วนมากไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม การห้ามใช้ตัวทำละลายอินทรีย์เป็นสิ่งที่มีความยุ่งยากในห้องปฏิบัติการทางเคมี การเลือกใช้ตัวทำละลายสีเขียวในปฏิกิริยาเคมีจึงเริ่มถูกพิจารณามากขึ้น ในกระบวนการผลิตของห้องห้องปฏิบัติการเภสัชเคมีและบริษัทผู้ผลิตยา เช่น Pfizer [4] บนพื้นฐานของ Environmental Health และ Safety (EHS) ได้แก่

  1. Worker Safety
  2. Process Safety
  3. Environmental and Regulatory Considerations

การแบ่งชนิดของตัวทำละลายตามหลักการดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมชนิดของตัวทำละลายที่ถูกใช้ ในห้องปฏิบัติการเภสัชเคมีเกือบทั้งหมด โดยแบ่งกลุ่มตัวทำละลายเป็น 3 กลุ่มตามแถบสีแสดงดังรูปที่ 1 ได้แก่ กลุ่มที่ถูกแนะนำให้ใช้ Preferred (สีเขียว) กลุ่มที่สามารถใช้ได้ Usable (สีน้ำเงิน) และกลุ่มที่ไม่แนะนำให้ใช้ Undesirable (สีแดง) [4]

Figure 1. Pfizer solvent selection guide for medicinal chemistry [4]

ตัวทำละลายสีแดงหลายชนิดมีจุดวาบไฟต่ำ มีความเป็นพิษสูง และเป็นสารก่อมะเร็ง หลายชนิดจัดเป็น Hazardous airborne pollutant (HAP) ควรหลีกเลี่ยงหรือห้ามใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป อย่างไรก็ตาม เพื่อลดปัญหาทางจิตวิทยาต่อนักวิจัย ในการห้ามใช้ “Don’t use” ตัวทำละลาย จึงมีการกำหนดตารางการเลือกใช้ “Use this instead” สำหรับตัวทำละลายทางเลือก (alternative solvents) [4]

Table 1. การเลือกใช้ตัวทำละลาย (Solvent replacement) [4]

Undesirable solvents Alternative solvents
Pentane Heptane
Hexane(s) Heptane
Di-isopropyl ether or diethyl ether 2-MeTHF or methyl t-butyl ether (MTBE)
Dioxane or dimethoxyethane 2-MeTHF or methyl t-butyl ether (MTBE)
Chloroform, dichloroethane or carbon tetrachloride Dichloromethane
Dimethyl formamide, dimethyl acetamide or
N-methylpyrrolidinone
Acetonitrile
Pyridine Et3N (if pyridine used as base)
Dichloromethane (extractions) EtOAc, MTBE, Toluene, 2-MeTHF
Dichloromethane (chromatography) EtOAc/heptanes
Benzene Toluene

 

นอกจาก benzene และ carbon tetrachloride ที่ถูกผลักดันให้ยกเลิกการใช้และให้ใช้ตัวทำละลายทางเลือกแล้ว ตัวทำละลายทางเลือกสวนใหญ่จะมีคุณสมบัติทางเคมีหรือบทบาทหน้าที่ที่ใกล้เคียงกัน เช่น heptanes มีจุดวาบไฟที่สูงกว่า pentane จึงลดความเสี่ยงได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ย ังมีข้อโต้เถียงในประเด็นการเลือกใช้ตัวทำละลายที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ (chlorinated solvent) อยู่บ้าง แต่ก็มีการอนุโลมให้ใช้ dichloromethane แทน chlorinated solvent อื่นๆ เช่น chloroform ในขั้นตอนการทำปฏิกิริยา ในขณะที่ EtOAc MTBE และ 2-MeTHF สามารถใช้เป็นทางเลือกแทนการใช้ dichloromethane ในขั้นตอนการสกัดสาร เป็นต้น

การวิจัยและศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ใหม่เพื่อการสังเคราะห์สารที่มีฤทธิ์ทางยาที่ห้องปฏิบัติการเภสัชเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์และโครงการบัณฑิตศึกษา สาขาเคมีชีวภาพ สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ ให้ความสำคัญโดยคำนึงถึงการใช้ตัวทำละลายสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นทางเลือกในปฏิกิริยาเคมี “น้ำ” [5,6] เป็นคำตอบของกระบวนการสังเคราะห์แบบใหม่ที่พัฒนาขึ้น โดยคำนึงถึงความจำเป็นของการใช้น้ำกับตัวทำละลายอินทรีย์ ซึ่งมีความหมายต่อการแยกสารระหว่างสารอินทรีย์เคมีที่ละลายและไม่ละลายในชั้นน้ำ เช่นเดียวกับความจำเป็นในกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ที่ต้องคำนึงถึงปัญหาสภาวะแวดล้อมด้วย

นอกจากนี้ มีการศึกษาวิจัยการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการต่างๆ และลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามหลักการของ “เคมีสีเขียว” ข้อที่ 9 การเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน (Increase energy efficiency) เช่นการทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิปกติ แต่ภายใต้สภาวะความดันสูงจะช่วยทำให้ปฏิกิริยามีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำพลังงานไมโครเวฟมาใช้ ถือเป็นทางเลือกใหม่ [7] ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำปฏิกิริยาทางเคมีต่างๆที่รวมถึงการสร้างพันธะ ระหว่างคาร์บอนกับคาร์บอน [8,9] หรือคาร์บอนกับเฮเทอโรอะตอมต่างๆ เช่น ไนโตรเจน [10] หรือออกซิเจน [11] ประโยชน์ของการนำพลังงานไมโครเวฟมาใช้ในปฏิกิริยาทางเคมี ช่วยทำให้เกิดความเชื่อมโยงของเคมีแนวใหม่กับพลังงานที่สะอาด นอกจากนี้พลังงานไมโครเวฟสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการทำปฏิกิริยาให้สั้นกว่าการใช้พลังงานแบบเดิม ถือเป็นการลดภาระการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลื้อง

การเลือกใช้ตัวทำละลายในปฏิกิริยาที่ใช้พลังงานไมโครเวฟเป็นอีกวิธีที่สอดคล้องกับหลักการของ “เคมีสีเขียว” ตัวทำละลายที่ใช้ในปฏิกิริยาไมโครเวฟส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มที่ถูกแนะนำให้ใช้ Preferred และ กลุ่มที่สามารถใช้ได้ Usable โดยมีการดูดกลืนพลังงานไมโครเวฟที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ตัวทำละลายในปฏิกิริยาไมโครเวฟในแต่ละปฏิกิริยาจึงควรพิจารณาจากค่าการดูดกลืนพลังงาน (Tan δ ) และกลุ่มของตัวทำละลายสีเขียว

Table 2. คุณสมบัติการดูดกลืนพลังงานไมโครเวฟของตัวทำละลายสีเขียว [7]

Solvent b.p. (oC) ε’ ε” Tan δ Microwave absorbance
Ethylene glycol 197 37.0 49.950 1.350 ดีมาก
Dimethyl sulfoxide 189 45.9 37.125 0.825 ดี
Ethanol 78 24.3 22.866 0.941 ดี
Methanol 63 32.6 21.483 0.659 ดี
Water 100 80.4 9.889 0.123 ปานกลาง
1-Methyl-2-pyrrolidone 204 32.2 8.855 0.275 ปานกลาง
N,N-dimethylformamide 154 37.7 6.070 0.161 ปานกลาง
Acetonitrile 81 37.5 2.325 0.062 ปานกลาง
Dichloromethane 40 9.1 0.382 0.042 ต่ำ
Tetrahydrofuran 66 7.4 0.348 0.047 ต่ำ
Toluene 110 2.4 0.096 0.040 ต่ำมาก

 
รายการอ้างอิง

  • Anastas, P.; Eghbali, N. “Green Chemistry: Principles and Practice” Chem. Soc. Rev. 2010, 39, 301-312.
  • Li, C.-J.; Barry M. Trost. Green Chemistry for Chemical Synthesis. PNAS 2008, 105, 13197-13202.
  • Thasana, N. เคมีสีเขียว – ตอนที่ 1: 12 หลักการของ “เคมีสีเขียว” (Twelve principles of Green Chemistry)
  • Alfonsi, K.; Colberg, J.; Dumn, P. J.; Fevig, T.; Jennings, S.; Johnson, T. A.; Kleine, H. P.; Knight, C.; Nagy, M. A.; Perry, D. A.; Stefaniak, M. Green chemistry tools to influence a medicinal chemistry and research chemistry based organisation. Green Chem. 2008, 10, 31-36.
  • Narayan, S.; Muldoon, J.; Finn, M. G.; Fokin, V. V.; Kolb, H. C.; Sharpless, K. B. Unique Reactivity of Organic Compounds in Aqueous Suspension. Angew. Chem. Int. Ed. 2005, 44, 8103 – 8104.
  • Hayashi, Y. In Water or in the Presence of Water? Angew. Chem. Int. Ed. 2006, 45, 8103 – 8104.
  • Kappe, C. O.; Stadler, A. “Microwaves in Organic and Medicinal Chemistry” Eds: Mannhold, R.; Kubinyi, H.; Folkers, G. Wiley-VCH Verlag GmbH & Co. KGaA, Weinheim, 2005.
  • Worayuthakarn, R.; Boonya-udtayan, S.; Arom-oon, E.; Ploypradith, P.; Ruchirawat, S.; Thasana, N. Synthesis of unsymmetrical benzil licoagrodione. J. Org. Chem. 2008, 73, 7432-7435.
  • Thasana, N.; Bjerke-Kroll, B.; Ruchirawat, S. A facile synthesis of telisatin A via microwave-promoted annulation and Reformatsky reaction. Synlett 2008, 505-508.
  • Boonya-udtayan, S.; Yotapan, N.; Woo, C.; Bruns, C. J.; Ruchirawat, S.; Thasana, N. Synthesis and biological activities of azalamellarins. Chem. Asian. J. 2010, 5, 2113-2123.
  • Thasana, N.; Worayuthakarn, R.; Kradanrat, P.; Hohn, E.; Young, L.; Ruchirawat, S. Copper(I)-mediated and microwave-assisted Caryl-Ocarboxylic coupling: Synthesis of benzopyaranones and isolamellarin alkaloids. J. Org. Chem. 2007, 72, 9379-9382.